วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2562

บทที่1 ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี


1.1 ความปลอดภัยในการทํางานกับสารเคมี
      การทําปฏิบัติการเคมีส่วนใหญต้องมีความเกี่ยวข้องกับสารเคมี อุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ ซึ่งผู้ทําปฏิบัติการต้องตระหนักถึงความปลอดภัยของตนเอง ผู้อื่น และสิ่งแวดล้อม โดยผู้ทําปฏิบัติการ ควรทราบเกี่ยวกับประเภทของสารเคมีที่ใช้ข้อควรปฏิบัติในการทําปฏิบัติการเคมี และการกําจัด สารเคมีที่ใช้แล้วหลังเสร็จสิ้นปฏิบัติการ เพื่อให้สามารถทําปฏิบัติการเคมีได้อย่างปลอดภัย
      1.1.1 ประเภทของสารเคมี 
      สารเคมีมีหลายประเภท แต่ละประเภทมีสมบัติแตกต่างกัน สารเคมีจึงจําเป็นนต้องมีฉลากที่มี ข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นอันตรายของสารเคมีเพื่อความปลอดภัยในการจัดเก็บ การนําไปใช้ และการ กําจัด โดยฉลากของสารเคมีที่ใช้ในห้องปฏิบัติการควรมีข้อมูล ดังนี้
 1. ชื่อผลิตภัณฑ์
2. รูปสัญลักษณ์ แสดงความเป็นอันตรายของสารเคมี 
3. คําเตือน ข้อมูลความเป็นอันตราย และข้อควรระวัง
Image result for สัญลักษณ์ความเป็นอันตรายในระบบ ghs
4. ข้อมูลของบริษัทผู้ผลิตสารเคมี


บนฉลากบรรจุภัณฑ์จะมีสัญลักษณ์ แสดงความเป็นอันตราย ที่สื่อความหมายได้ชัดเจนในที่นี้จะกล่าวถึงสองระบบ ได้แก่ Globally Harmonized System of classification and labelling of chemicals (GHS) ซึ่งเป็นระบบที่ใช้สากล และ National fire protection association hazard identification system (NFPA) เป็นระบบที่ใช้ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งสัญลักษณ์ทั้งสองระบบนี้สามารถพบเห็นได้ทั่วไปบนบรรจุภัณฑ์สารเคมี
Image result for ระบบnfpa

สำหรับ สัญลักษณ์แสดงความเป็นอันตรายในระบบ NFPA จะ ใช้สีแทนความเป็นอันตรายในด้านต่างๆได้แก่สีแดง แทนความไวไฟ สีน้ำเงินแทนความเป็นอันตรายต่อสุขภาพสีเหลืองแทนความว่องไวในการเกิดปฏิกิริยาเคมี โดยเศษตัวเลข 0-4 เพื่อระบุระดับความเป็นอันตรายจากน้อยไปหามากและช่องสีขาวใช้ใส่อักษรหรือสัญลักษณ์ที่แสดงสมบัติที่เป็นอันตรายด้านอื่นๆ

Related image


1.1.3 การกำจัดสารเคมี
การกำจัดสารเคมีแต่ละประเภทสามารถปฏิบัติได้ดังนี้ 1) สารเคมีที่เป็นของเหลวไม่อันตรายเป็นกลาง ปริมาณไม่เกิน 1 ลิตร สามารถเทลงอ่างน้ำได้ เลย 2) สารละลายเข้มข้นบางชนิด ควรเจือจางก่อนเทลงอ่างน้ำ 3) สารเคมีที่เป็นของแข็งไม่อันตราย ใส่ในภาชนะที่ปิดมิดชิด ก่อนทิ้งในที่จัดเตรียมไว้ 4) สารไวไฟ สารประกอบของโลหะเป็นพิษห้ามทิ้งลงอ่างน้ำ
1.2 อุบัติเหตุจากสารเคมี
ในการทำปฏิกิริยาเคมีต่างๆจากการใช้สารเคมีได้ ซึ่งหากผู้ทำการปฏิบัติการมีความรู้ในการปฐมพยาบาลเบื้องต้น จะสามารถลดความรุนแรง แล้วความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ เบื้องต้นจากอุบัติเหตุจากการใช้สารเคมี มีข้อปฏิบัติดังนี้
การปฐมพยาบาลเมื่อร่างกายสัมผัสสารเคมี
1.ถอดเสื้อผ้าบริเวณที่เปื้อนสารเคมีออก และใช้สารเคมีออกจากร่างกายให้มากที่สุด
2.กรณีที่เป็นสารเคมีที่ละลายน้ำได้ให้ล้านบริเวณที่สัมผัสสารเคมีด้วยการเปิดน้ำไหลผ่านในปริมาณมาก
3.กรณีเป็นสารเคมีที่ไม่ละลายน้ำ ให้ร้านบริเวณที่สัมผัสสารเคมีด้วยน้ำสบู่
4.อยากทราบว่าสารเคมีที่สัมผัสร่างกายคือสารใด ให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดในเอกสารความปลอดภัยของสารเคมี
กรณีที่นั่งการสัมผัสสารเคมีในปริมาณมากหรือมีความเข้มข้นสูงให้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วนำส่งแพทย์
การปฐมพยาบาลเมื่อสารเคมีเข้าตา
ตะแคงศีรษะให้ตาด้านที่สัมผัสสารเคมีอยู่ด้านล่างรายการเปิดน้ำเบาเบาๆไหลผ่านดั้งจมูก ให้น้ำไหลผ่านตาข้างที่โดยสารเคมีพยายามลืมตาและขอบตาในน้ำอย่างน้อย 10 นาทีหรือจนกว่าจะแน่ใจว่าฉันล้างสารออกหมดแล้ว ระวังไม่ให้น้ำเข้าตาอีกข้างหนึ่งและนำส่งแพทย์ในทันที
การปฐมพยาบาลเมื่อสูดดมแก๊สพิษ
1.เมื่อมีแก๊สพิษเกิดขึ้น ต้องรีบออกจากบริเวณในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกทันที
2.หากมีผู้ที่สูดดมแก๊สผิดจนหมดสติหรือไม่สามารถช่วยตนเองได้ ต้องลิ้มเคลื่อนย้ายออกจากบริเวณนั้นทันที โดยที่ผู้ช่วยเหลือต้องส่งอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสมเช่นหน้ากากป้องกันแก๊สพิษหรือผ้าปิดปาก
3.ปลดเสื้อผ้า เพื่อให้ผู้ประสบอุบัติเหตุหายใจได้สะดวกถ้าหมดสติให้จับนอนคว่ำแล้วตะแคงหน้าไปทางด้านใดด้านหนึ่งเพื่อป้องกันโคลน กีดขวางทางเดินหายใจ
การปฐมพยาบาลเมื่อโดนความร้อน
แช่น้ำเย็นหรือปิดแผลด้วยผ้าชุบน้ำจนกว่าจะหายปวดแสบปวดร้อนและทายาขี้ผึ้งสำหรับไฟไหม้และน้ำร้อนลวก ถ้าเกิดบาดแผลใหญ่ให้นำส่งแพทย์
กรณีที่สารเคมีเข้าตาให้ปฏิบัติตามคำแนะนำตามเอกสารความปลอดภัยแล้วนำส่งแพทย์ทุกกรณี

1.3 การวัดปริมาณสาร
ความน่าเชื่อถือของข้อมูลสามารถพิจารณาได้ 2 ส่วนด้วยกันคือความเที่ยง และความแม่นของข้อมูลโดยความเที่ยงคือ ความใกล้เคียงของค่าที่ได้จากการวัดซ้ำ ส่วนความแม่นคือความใกล้เคียงของค่าเฉลี่ยจากการวัดซ้ำเทียบกับค่าจริง

1.3.1 อุปกรณ์วัดปริมาตร อุปกรณ์วัดปริมาณสารเคมีที่เป็นของเหลวที่ใช้ในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์มีหลายชนิด แต่ละชนิดมีขีดและตัวเลขแสดงปริมาตรที่ได้จากการตรวจสอบมาตรฐานและกำหนดความคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้บางชนิดมีความคลาดเคลื่อนน้อย บางชนิดมีความคาดเคลื่อนมาก ปริมาตรและระดับความหน้าที่ต้องการอุปกรณ์วัดปริมาตรบางชนิดที่นักเรียนได้ใช้ในงานในการทำปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ที่ผ่านมา เช่นบีกเกอร์ ขวดรูปกรวยกระบอกตวงเป็นอุปกรณ์ที่ไม่สามารถบอกปริมาตรได้แม่นมากพอสำหรับการทดลองในการปฏิบัติการบางการปฏิบัติการ
บีกเกอร์ มีลักษณะเป็นทรงกระบอกปากว่ามีขีดบอกปริมาตรในระดับมิลลิลิตร มีหลายขนาด
Image result for บีกเกอร์
ขวดรูปกรวย มีลักษณะคล้ายขนชมพู่มีขีดบอกปริมาตรในระดับมิลลิลิตร มีหลายขนาด

Image result for ขวดรูปกรวย
กระบอกตวง มีลักษณะเป็นทรงกระบอกมีขีดบอกปริมาตรในระดับ มิลลิลิตร มีหลายขนาด
Image result for กระบอกตวง

ปิเปตต์ เป็นอุปกรณ์วัดปริมาตรที่มีความแม่นยำสูง ใช้สำหรับถ่ายเทของเหลว มี 2 แบบแบบปริมาตรที่มีกระเปาะตรงกลางมีขีดบอกปริมาตร เพียงค่ายเดียวและแบบใช้ตวงมีขีดบอกปริมาตรหลายค่า
Image result for ปิเปต
บิวเรตต์ เป็นอุปกรณ์สำหรับถ่ายเทของเหลวในปริมาตรต่างๆตามต้องการ มีลักษณะเป็นทรงกระบอกที่มีขีดบอกปริมาตรและมีอุปกรณ์ควบคุมการไหลของของเหลวที่เรียกว่า ก๊อกปิดเปิด ขวดกำหนดปริมาตรเป็นอุปกรณ์สำหรับวัดปริมาตรของของเหลวที่บรรจุอยู่ภายในใช้สำหรับเตรียมสารละลายที่ต้องการความเข้มข้นแน่นอนมีขีดบอกปริมาตรเพียงขีดเดียวมีจุกปิดสนิทขวดกำหนดปริมาตรมีหลายขนาด

ขวดกำหนดปริมาตร เป็นอุปกรณ์สำหรับวัดปริมาตรของเหลวที่บรรจุภายใน ใช้สำหรับเตรียมสารละลายที่ต้องการความเข้มข้นแน่นอน มีขีดบอดปริมาตรเพียงขีดเดียว มีจุกปิดสนิท มีหลายขนาด

Image result for ขวดกำหนดปริมาตร

การอ่านปริมาตรของของเหลวให้ถูกวิธี ต้องให้อยู่ในระดับสายตา


1.3.2 อุปกรณ์วัดมวล
เครื่องชั่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับวัดมวลทั้งที่เป็นของแข็งและของเหลวความน่าเชื่อถือของค่าวัดมวลที่ได้ขึ้นอยู่กับความละเอียดของเครื่องชั่งและวิธีการใช้เครื่องชั่ง เครื่องชั่งมี 2 แบบแบบเครื่องชั่งสามคานและเครื่องชั่งไฟฟ้า

เครื่องชั่งสามคาน

Image result for เครื่องชั่งไฟฟ้า
เครื่องชั่งไฟฟ้า
การนับเลขนัยสำคัญ
หลักในการหาเลขนัยสำคัญ
1.เลขทุกตัวที่ไม่ใช่  0  เป็นเลขนัยสำคัญ
2.เลข 0  ที่อยู่ระหว่างตัวเลขนัยสำคัญเป็นเลขนัยสำคัญ  เช่น  506, 1.0345 มีเลขนัยสำคัญ 3 และ 5 ตัวตามลำดับ
3.เลข 0  ที่อยู่ด้านซ้ายสุดไม่เป็นเลขนัยสำคัญ  เช่น 02134 , 0.0056 มีเลขนัยสำคัญ 4 ตัว และ 2 ตัว ตามลำดับ
4. เลข 0 ที่อยู่ด้านขวามือ แต่อยู่หลังจุดทศนิยมเป็นเลขนัยสำคัญ เช่น 452.0, 1.000 ,0.0005000 ทุกตัวมีเลขนัยสำคัญ 4 ตัว
5. เลข 0 ที่อยู่ทางขวามือของเลขจำนวนเต็มแต่ไม่เป็นเลขทศนิยม จะบอกเลขทศนิยมได้ไม่ชัดเจน  เช่น เลข 5000
การบวกลบคูณและหารเลขนัยสำคัญ
 -  การบวกลบเลขนัยสำคัญ ผลลัพธ์ที่ได้จะมีตัวเลขหลังจุดทศนิยมเท่ากับจำนวนตัวเลขหลังจุดทศนิยมที่น้อยที่สุดของตัวเลขที่นำมาบวกลบกัน 


-   การคูณหารเลขนัยสำคัญ  ผลลัพธ์ที่ได้จะมีตัวเลขนัยสำคัญเท่ากับจำนวนตัวเลขนัยสำคัญที่น้อยที่สุดของกลุ่มตัวเลขที่มาคูณหรือหารกัน 
1.4 หน่วยวัด


การระบุหน่วยของการวัดปริมาตรต่างๆ ในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นความยาวมวลอุณหภูมิอาจแตกต่างกันแต่ละประเทศ และในบางกรณี นำไปสู่ความเข้าใจผิดที่ทำให้เกิดความเสียหายดังนั้นเพื่อให้การสื่อสารข้อมูลของการวัดเป็นการเข้าใจตรงกันมากขึ้นจึงมีการตกลงร่วมกันให้มีหน่วยมาตรฐานสากลขึ้น

1.4.1 หน่วยในระบบ SI

เป็นหน่วยที่ดัดแปลงจากหน่วยในระบบเมทริกซ์ โดยแบ่งเป็นหน่วยพื้นฐานมี 7 หน่วยคือ

มวล มีหน่วยเป็นกิโลกรัม อุณหภูมิ มีหน่วยเป็นเคลวิน

ความยาว มีหน่วยเป็นเมตร ปริมาตรของสาร มีหน่วยเป็นโมล

เวลา มีหน่วยเป็นวินาที กระแสไฟฟ้า มีหน่วยเป็นแอมแปร์
ความเข้มแห่งการส่องสว่าง มีหน่วยเป็นแคนเดลา
เป็นหน่วย SI อนุพันธ์อีก 3 หน่วย

ปริมาตร มีหน่วยเป็นลูกบาศก์เมตร ความเข้มข้นมีหน่วยเป็นโมลต่อลูกบาศก์เมตร
ความหนาแน่น มีหน่วยเป็นกิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร


หน่วยนอกระบบ SI ในเคมียังมีหน่วยอื่นที่ได้รับการยอมรับและมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย

เช่น ปริมาตร มีหน่วยเป็นลิตร มวล มีหน่วยเป็นกรัมหรือดอลตันหรือหน่วยมวลอะตอม ความดัน มีหน่วยเป็นบาร์ มิลลิเมตรปรอท หรือบรรยากาศ

ความยาว มีหน่วยเป็นอังสตรอม พลังงาน มีหน่วยเป็นแคลอรี อุณหภูมิ มีหน่วยเป็นองศาเซลเซียส

1.4.2 แฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วย

เป็นอัตราส่วนระหว่างหน่วยที่แตกต่างกันสองหน่วยที่มีปริมาณเท่ากัน ตัวอย่างดังนี้
จากความสัมพันธ์พลังงาน 1 cal = 4.2 J


เมื่อใช้1 cal หารทั้งสองข้างจะได้เป็น
1 cal / 1 cal = 4.2 J / 1 cal
หรือถ้าใช้ 4.2 J หารทั้งสองข้างจะได้เป็น

1 = 4.2 J / 1 cal

1 cal / 4.2 J = 4.2 J / 4.2 J


1 cal / 4.2 J = 1

ดังนั้นแฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วยเขียนได้เป็น 1 cal / 4.2 J หรือ 4.2 J / 1 cal

วิธีการเทียบหน่วย

ทำได้โดยการคูณปริมาณในหน่วยเริ่มต้นด้วยแฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วยที่มีหน่วยที่ต้องการอยู่ด้านบนตามสมการ

ปริมาณและหน่วยที่ต้องการ = ปริมาณและหน่วยเริ่มต้น * หน่วยที่ต้องการ / หน่วยเริ่มต้น

1.5 วิธีการทางวิทยาศาสตร์
การทำปฏิบัติการเคมีนอกจากจะต้องมีการวางแผนการทดลองการทำการทดลองการบันทึกข้อมูลการสรุปและวิเคราะห์ข้อมูลการนำเสนอข้อมูลและการเขียนรายงานการทำการทดลองที่ถูกต้องแล้วต้องคำนึงถึงวิธีการทางวิทยาศาสตร์ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์วิธีการทางวิทยาศาสตร์เป็นกระบวนการศึกษาหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่มีแบบแผนขั้นตอนโดยภาพรวมสามารถทำได้ดังนี้
1.การสังเกตเป็นจุดเริ่มต้นของการได้ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องศึกษาโดยอาศัยประสาทสัมผัสทั้ง 5 คือการมองเห็นการฟังเสียงการได้กลิ่นการรับรสและการสัมผัส
2.การตั้งสมมติฐาน ในการคาดคะเนคําตอบของปัญหาหรือคำตอบของ คำถาม โดยมีพื้นฐานจากการสังเกตความรู้หรือประสบการณ์เดิมโดยทั่วไปสมมุติฐานจะเขียนอยู่ในรูปของข้อความที่แสดงเหตุ ผลหรืออีกนัยหนึ่งจะเป็นความสัมพันธ์ของตัวแปรต้นและตัวแปรตาม
3.การตรวจสอบสมมติฐานเป็นกระบวนการการหาคำตอบของสมมติฐานโดยมีการออกแบบทดลองให้มีการควบคุมปัจจัยต่างๆ
4.การรวบรวมข้อมูลและการวิเคราะห์ผลเป็นการนำข้อมูลที่ได้จากการ สังเกตการตรวจสอบสมมติฐานมารวบรวมวิเคราะห์และอธิบายข้อเท็จจริง
5.การสรุปผลเป็นการสรุปความรู้หรือข้อเท็จจริงที่ได้จากการตรวจสอบสมมติฐานและมีการเปรียบเทียบกับสมมติฐานที่ตั้งไว้ก่อนหน้า
ทั้งนี้ในการศึกษาความรู้ทางวิทยาศาสตร์นั้นไม่มีรูปแบบที่ตายตัวด้วยอาจจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับคำถามบริบท หรือวิธีการที่ใช้ในการตรวจสอบคำถาม
ที่มา: หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิยาศาสตร์ เคมมีเล่ม1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่4

สธ. รับแล้วสารเคมีในผัก-ผลไม้ ล้างยังไงก็ไม่หมด เล็งแบนสารเคมีที่มีผลต่อสุขภาพ 3 ชนิด


     นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีที่ นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความโจมตีทางกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ออกมาแถลงข่าวว่า ผักและผลไม้ที่วางจำหน่ายอยู่ในประเทศมีเกณฑ์ปลอดภัย และพืชผักผลไม้ที่มีสารพิษปะปนอยู่ล้างออกได้  แต่แท้ที่จริงๆ แล้ว สารที่ตกค้างส่วนใหญ่ประมาณ 60% ล้างไม่ออก  แถมสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีการขึ้นทะเบียนในประเทศไทยมีประมาณ 280 ชนิด แต่ส่วนใหญ่การสุ่มตรวจที่ผ่านมาของหน่วยงานราชการตรวจได้เพียง 10% ของจำนวนสารที่มีการใช้ในประเทศเท่านั้นว่า การล้างก็เป็นวิธีหนึ่งที่อาจทำให้สารเคมีบางอย่างลดปริมาณลง แต่ขอยืนยันว่าไม่สามารถล้างจนปลอดจากสารเคมีได้ และไม่มีวิธีใดที่ทำให้สารเคมีไม่ปนเปื้อน และเมื่อมีการบริโภคก็อาจมีการสะสมในร่างกายจนทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้                                ทั้งนี้ สธ.ยืนยันว่าจะต้องแบนสารเคมีที่มีผลต่อสุขภาพ โดยเฉพาะสารเคมี 3 ชนิด คือ พาราควอท, ไดลโฟเสท และ คลอไพรีฟอส และสารพิษฆ่าแมลงซึ่งมีอยู่สี่กลุ่มด้วยกัน  แต่เนื่องจากการแบนไม่ใช่หน้าที่ของ สธ. จึงจะมีการเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้พิจารณา แต่หน้าที่หลักของ สธ. คือให้ความรู้ความเข้าใจกับประชาชนที่ถูกต้อง เพราะปัจจุบันจากการสุ่มตรวจพบการปนเปื้อนอยู่ถึง 30-40 เปอร์เซ็นต์   อย่างไรก็ดีเพื่อความปลอดภัยประชาชนควรเลือกซื้อผักและผลไม้จากเกษตรอินทรีย์ หรือแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ และเพื่อความปลอดภัยตั้งแต่ต้น หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงควรผลักดันในเรื่องห้ามใช้สารเคมีสารพิษในพืชผักผลไม้ เพื่อจะได้ไม่มีสารพิษปนเปื้อนอยู่ในผลผลิต

สารเคมีในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ทำให้ผู้หญิงเสี่ยงเป็นมะเร็ง


ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยจอร์จเมสันในสหรัฐฯ ซึ่งเผยแพร่ในวารสารเอ็นไวรอนเมนต์ อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่า สารเคมีในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวส่งผลเสียต่อฮอร์โมนของผู้หญิง รวมทั้งอาจนำไปสู่ภาวะมีบุตรยากและมะเร็งเต้านม โดยผลิตภัณฑ์ความงามมักจะมีส่วนผสมของสารเคมีต่างๆ เช่น พาราเบน ซึ่งเป็นสารกันเสียที่ใช้ต้านการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ และเบนโซฟีโนน ซึ่งเป็นตัวกรองรังสียูวี
นักวิจัยได้รวบรวมตัวอย่างมากกว่า 500 ชิ้น จากผู้หญิง 143 คน ที่มีอายุระหว่าง 18 ถึง 44 ปี ซึ่งไม่มีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง และไม่ได้คุมกำเนิด การวิเคราะห์ตัวอย่างชี้ว่าผู้ที่มีสารเคมีเหล่านี้อยู่ในร่างกายจะมีการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนสืบพันธุ์ที่ผิดปกติ
ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มากเกินไป มีความสัมพันธ์กับเนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูกและประจำเดือนที่ผิดปกติ แต่ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่น้อยเกินไป จะทำให้ไข่ไม่เจริญเติบโตเต็มที่ ขณะเดียวกันฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่มากผิดปกติก็มีความเกี่ยวข้องกับมะเร็งเต้านม และภาวะเลือดออกทางช่องคลอดที่ผิดปกติ

วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2562

จำกัดการใช้ 3 สารเคมีเกษตร จะซื้อจะขาย ต้องมีใบอนุญาตพิเศษ

     ในที่สุดร่างประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับมาตรการจำกัดการใช้สารเคมี 3 ชนิด 
พาราควอต ไกลโฟเซส และ คลอร์ไพริฟอส ที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติให้กรมวิชาการเกษตร ไปทำการยกร่างฯ ได้คลอดออกมาเป็นรูปเป็นร่างให้เห็นกันแล้ว
แต่คณะกรรมการวัตถุอันตราย จะเห็นชอบกับที่จะนำมาใช้ด้วยหรือไม่ ยังเป็นที่ต้องรอกันอีกต่อไป สรุปสาระสำคัญของร่างฉบับนี้...ได้แยก พาราควอต ไกลโฟเซส และคลอร์ไพริฟอส ให้เป็นสารชนิดพิเศษ ที่แยกออกมาจากสารเคมีทางการเกษตรชนิดอื่นๆ และต้องจัดพื้นที่วางขายแยกจากวัตถุอันตรายชนิดอื่นๆให้เห็นชัดเจน
คนซื้อ คนขาย ร้านค้า คนนำไปใช้ คนรับจ้างพ่น รวมทั้งผู้ผลิต ผู้นำเข้า นอกจากจะต้องขออนุญาตพิเศษแล้ว ยังต้องผ่านการอบรม และต้องอบรมทุกๆ 2 ปี จะไม่สามารถซื้อขายกันได้แบบง่ายๆ เหมือนที่ผ่านมา  ที่สำคัญ สารกำจัดวัชพืช พาราควอต และ ไกลโฟเซส จะใช้ได้เฉพาะกับพืช 6 ชนิด อ้อย, ยางพารา, ปาล์มน้ำมัน, มันสำปะหลัง, ข้าวโพด และ ไม้ผล ที่ขึ้นทะเบียนเท่านั้น
ส่วนสารกำจัดแมลงศัตรูพืช คลอร์ไพริฟอส ให้ใช้ได้เฉพาะ ไม้ผล ไม้ดอก และ พืชไร่
สารทั้ง 3 ชนิด ห้ามนำไปใช้ในแปลงปลูกผัก พืชสมุนไพร พื้นที่ต้นน้ำ และพื้นที่สาธารณะ
ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ปลัด อบต. เป็นผู้มีอำนาจตรวจสอบการใช้วัตถุอันตราย ทุกอย่างมีผลบังคับใช้ในระยะเวลา 90 วัน หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา
หลังจากที่ได้เห็นร่างฯที่ออกมา ฟากฝั่งเกษตรกรให้ความเห็นติงในเรื่องกรอบเวลาในการอบรมเกษตรกรทั่วประเทศกว่า 20 ล้านราย ในระยะเวลา 90 วันคงเป็นไปไม่ได้ จึงเสนอให้กรมวิชาการเกษตรขยายเวลาออกไป เพราะหากบังคับใช้มาแล้วไม่สามารถปฏิบัติได้ เกษตรกรจะมีความผิด
นอกจากนั้น การแต่งตั้งผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ปลัด อบต. เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจสอบนั้น บางคนอาจขาดองค์ความรู้ด้านเกษตรกรรม ซ้ำต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มในการอบรมก่อนปฏิบัติงานจริง หน้าที่นี้จึงสมควรเป็นของบุคลากรกระทรวงเกษตรฯเอง อาทิ เกษตรตำบล เพราะมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้เป็นอย่างดี
สำคัญที่สุดเรื่องราคา เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา หลังกลุ่มเอ็นจีโอมีการขับเคลื่อนให้แบนสารเคมี 3 ชนิด ส่งผลให้สารเคมีดังกล่าวมีราคาแพงขึ้นมาตลอด ทำให้เกษตรกรมีต้นทุนสูงขึ้น สูญเสียรายได้ไปปีละ 1,500 ล้านบาท จึงเสนอให้สารเคมีทั้ง 3 ชนิด เป็นสินค้าที่ต้องมีการควบคุมราคา.

กปภ.ชี้แจงน้ำประปามีสีขุ่นดำ ที่ อ.เมืองเลย เกิดจากเติมสารเคมีไม่เหมาะสมกับคุณภาพน้ำ

     น้ำเสีย ชาวบ้านใน ต.สนามชัย อ.สทิงพระ จ.สงขลา เป็นห่วงท้องทะเล เนื่องจากมีการแอบปล่อยน้ำเสียจากการเพาะเลี้ยงกุ้งชายฝั่ง ลงสู่ทะเล น้ำที่เคยใสสะอาด มีสีดำขุ่น เป็นการทำลายระบบนิเวศ ที่สำคัญกระทบต่อการประกอบอาชีพประมง อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบด่วน...
      น่าสงสัย ใน ซอยเทศบาลบางปู 47 ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ ชาวบ้านสงสัย ภายในซอยแยก 14/1 เลยโรงเรียนไป มีแนวรั้วเมทัลชีตล้อมไว้ รถวิ่งเข้า-ออกอย่างพลุกพล่านตลอด 24 ชั่วโมง ส่งเสียงดังเหมือนกับทำอะไรกันบางอย่าง ฝาก สภ.เมืองสมุทรปราการ หรือหน่วยงานของทหาร เข้าไปพิสูจน์ที ว่ามีอะไรดี...
     ปรับปรุง ผู้ใช้ศาลาผู้โดยสารแจ้งว่า บริเวณใต้สะพานวงแหวนเข้าตัวเมืองสมุทรสงคราม จากการปรับปรุงถนนพระราม 2 ที่เพิ่งทำเสร็จถนนเรียบร้อยดี แต่ที่น่าจะปรับปรุงคือศาลาที่พักผู้โดยสารหลังเก่า เพราะอยู่ต่ำจากถนนมากเหมือนกับเป็นหอไตรกลางน้ำ ผู้โดยสารเดินศีรษะแทบจะชนหลังคา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขด้วย...
     เสียงดัง ผู้อาศัยอยู่ใน ซอย 10 เทียนทะเล เขตบางขุนเทียน แจ้งว่า ทุกวันตั้งแต่ช่วงเย็นเป็นต้นมา ที่ กลางซอยมีร้านค้าแห่งหนึ่ง มีกลุ่มวัยรุ่นตั้งวงดื่มสุรา จนดึกๆดื่นๆ พอเมาได้ที่ ขว้างขวด ขว้างแก้วกลางถนน เปิดเพลงเสียงดัง ชาวบ้านไม่ได้หลับไม่ได้นอน พอบอกให้เบาเสียงลง ก็ถูกด่า ผกก.สน.ท่าข้าม ส่งลูกน้องช่วยชาวบ้านที...
     กองสื่อสารองค์กร การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ชี้แจงกรณี น้ำประปาหมู่บ้านที่บ้านสามแยก–ปากภู อ.เมืองเลย มีสีขุ่นดำนั้น ตรวจสอบแล้วเป็นประปาหมู่บ้าน กปภ.เลยลงพื้นที่พบว่าเกิดจากเติมสารเคมีไม่เหมาะสมกับคุณภาพน้ำ ได้แนะนำ ทำความเข้าใจ รวมทั้งส่งผู้เชี่ยวชาญร่วมแก้ไขปัญหาแล้ว...

ใช้หุ่นยนต์ช่วยในการสร้างยาปฏิชีวนะใหม่


     ธรรมชาติถือเป็นขุมทรัพย์ใหญ่ของสารประกอบทางเคมี ที่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บหลากหลายชนิด ทว่าสารเคมีที่น่าสนใจที่สุดมักมาจากสิ่งมีชีวิต ทว่านำมาใช้งานได้ยากในห้องปฏิบัติการทดลอง โดยเฉพาะสารประกอบเคมีประเภทพอลิคีไทด์ (polyketides) คือกลุ่มสารเคมีที่สำคัญซึ่งส่วนใหญ่ผลิตโดยแบคทีเรียในดินและจุลินทรีย์อื่นๆ
     เมื่อเร็วๆ นี้ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ในอังกฤษ เผยความสำเร็จในการสร้างแบคทีเรียลำไส้ที่พบบ่อยเพื่อผลิตยาปฏิชีวนะชนิดใหม่ด้วยการใช้หุ่นยนต์เข้าช่วย ยาปฏิชีวนะดังกล่าวรู้จักกันในชื่อพอลิคีไทด์ คลาสทู (polyketides Class II) เกิดจากแบคทีเรียในดินตามธรรมชาติและมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อแบคทีเรีย อันมีความสำคัญในอุตสาหกรรมยาสมัยใหม่ที่เชื่อว่าจะนำไปใช้ต่อสู้กับโรคติดเชื้อและโรคมะเร็งได้
     การวิจัยนี้ชี้ให้เห็นศักยภาพของวิธีการรวมเครื่องจักรกลการผลิตแบคทีเรียเข้ากับเอนไซม์จากพืชและเชื้อรา จนเกิดความเป็นไปได้ที่จะสร้างสารประกอบทางเคมีใหม่ๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในธรรมชาติ และไม่เพียงช่วยให้นักวิจัยทดลองสารพอลิคีไทด์ใหม่ได้แบบอัตโนมัติ แต่ยังจะสามารถเขียนลำดับดีเอ็นเอของเส้นทางการสังเคราะห์ยาปฏิชีวนะได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ทีมวิจัยเผยว่าน่าจะใช้เวลาราว 1 ปีในการสร้างและทดสอบยาปฏิชีวนะที่อาจเกิดขึ้นได้ถึงสิบชนิด.

ข้อสอบ เรื่อง พันธะเคมี

1. จำนวนพันธะโคเวเลนต์ในโมเลกุล CH 4  , SiCl 4  , NaCl , NH 3   เป็นกี่พันธะมีค่าเรียงตามลำดับ   คือข้อใด     ก. 4 , 4 , 0 , 3      ข. ...